อาชญากรรมคอมพิวเตอร์คืออะไร
Hacker คืออะไร
Hacker คือ ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในระบบคอมพิวเตอร์อย่างสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครือข่าย , ระบบปฏิบัติการ จนสามารถเข้าใจว่าระบบมีช่องโหว่ตรงไหน หรือสามารถไปค้นหาช่องโหว่ได้จากตรงไหนบ้าง เมื่อก่อนภาพลักษณ์ของ Hacker จะเป็นพวกชั่วร้าย ชอบขโมยข้อมูล หรือ ทำลายให้เสียหาย แต่เดี๋ยวนี้ คำว่า Hacker หมายถึง Security Professional ที่คอยใช้ความสามารถช่วยตรวจตราระบบ และแจ้งเจ้าของระบบว่ามีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง อาจพูดง่ายๆว่าเป็น Hacker ที่มีจริยธรรมนั่นเอง ในต่างประเทศมีวิชาที่สอนถึงการเป็น Ethical Hacker หรือ แฮกเกอร์แบบมีจริยธรรม ซึ่งแฮกเกอร์แบบนี้เรียกอีกอย่างว่า White Hat Hacker ก็ได้ ส่วนพวกที่นิสัยไม่ดีเราจะเรียกว่าพวกนี้ว่า Cracker หรือ Black Hat Hacker ซึ่งก็คือ มีความสามารถเหมือน Hacker ทุกประการ เพียงแต่พฤติกรรมของ Cracker นั้นจะเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรรม เช่น ขโมยข้อมูลหรือเข้าไปทำลายระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานไม่ได้ เป็นต้น
Cracker คืออะไร
Cracker คือ บุคคลที่บุกรุกหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลด้วยเจตนาร้าย cracker เมื่อบุกรุกเข้าสู่ระบบ จะทำลายข้อมูลที่สำคัญทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออย่าง น้อย
ทำให้เกิดปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์ของเป้าหมาย โดยกระทำของ crackerมีเจตนามุ่งร้ายเป็นสำคัญ คำจำกัดความเหล่านี้ถูกต้องและอาจใช้โดยทั่วไปได้
อย่างไรก็ตามยังมีบททดสอบอื่นอีก เป็นบททดสอบทางกฏหมายโดยการใช้เหตุผลทางกฏหมายเข้ามาใช้ในสมการ คุณสามารถแยกความแตกต่างระหว่าง hacker และ cracker บททดสอบนี้ไม่ต้องการความรู้ทางกฏหมายเพิ่มเติมแต่อย่างใด มันถูกนำมาใช้ง่าย ๆ โดยการสืบสวนเช่นเดียวกับ "men rea"
วิธีการที่ Hacker และ Cracker ใช้เข้าไปก่อกวนในระบบ Internet มีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมมากมี 3 วิธี ดังนี้
1.Password Sniffers เป็นโปรแกรมเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในเครือข่าย และถูกสั่งให้บันทึกการ Log on และรหัสผ่าน (Password) แล้วนำไปเก็บในแฟ้มข้อมูลลับ
2. Spooling เป็นเทคนิคการเข้าสู่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะทางไกล โดยการปลอมแปลงที่อยู่อินเนอร์เน็ต (Internet Address) ของเครื่องที่เข้าได้ง่ายหรือเครื่องที่เป็นมิตร เพื่อค้นหาจุดที่ใช้ในระบบรักษาความปลอดภัยภายใน วิธีการคือ การได้มาถึงสถานภาพที่เป็นแก่นหรือราก (Root) ซึ่งเป็นการเข้าสู่ระบบขั้นสูงสำหรับผู้บริหารระบบ เมื่อได้รากแล้วจะสร้าง Sniffers หรือโปรแกรมอื่นที่เป็น Back Door ซึ่งเป็นทางกลับลับๆใส่ไว้ในเครื่อง
3. The Hole in the Web เป็นข้อบกพร่องใน World -Wide-Web (WWW ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติการของ Website จะมีหลุมหรือช่องว่างที่ผู้บุกรุกสามารถทำทุกอย่างที่เจ้าของ Site สามารถทำได้
Spam คืออะไร
Spam (สแปม) คือ การส่งข้อความถึงผู้ที่ไม่ต้องการรับ ก่อให้เกิดความรำคาญ ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และผิดกฏหมาย ลักษณะของสแปม คือ ไม่ปรากฏชื่อผู้ส่ง (Anonymous) ส่งโดยไม่เลือกเจาะจง (Indiscriminate) และ ส่งได้ทั่วโลก (Global) การ SPAM มีทั้ง การสแปมเมล์ (Spam Mail) และ การสแปมบอร์ด ( Spam Board )
Spam Mail (สแปมเมล) คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ส่ง (ซึ่งมักจะไม่ปรากฏชื่อและที่อยู่ของผู้ ส่ง) ได้ส่งไปยังผู้รับอย่างต่อเนื่องโดยส่งจำนวนครั้งละมากๆและมิได้รับความยินยอมจากผู้รับ โดยการส่งสแปมเมล์ นั้นอาจมีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์หรือไม่ก็ได้
อีเมล์ที่ไม่ใช่ Spam Mail จะต้องมี "ชื่อ-ที่อยู่" ผู้ส่งชัดเจน ส่งให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนขอรับข้อมูลเท่านั้น และมีคำสั่ง "Unsubscribe" ที่ทำงานได้จริง คือ สามารถคลิกเพื่อลบรายชื่อ ออกจาก Mailing List ได้ สำหรับแจ้งความประสงค์ว่า ไม่ต้องการรับเมล์จากผู้ส่งนี้อีก ซึ่งเป็นลักษณะของ E-mail Marketing ที่ถูกต้อง
Spam Board คือ การโพสเว็บบอร์ดผิดหมวดหมู่ โพสในบอร์ดที่ไม่อนุญาตให้โพส และ การโพสกระทู้ซ้ำๆ
Spyware คืออะไร
สปายแวร์ ก็คือ โปรแกรมเล็ก ๆ ที่ถูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง (สปาย) การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ อาจจะเพื่อโฆษณาสินค้าต่าง ๆ สปายแวร์บางตัวก็สร้างความรำคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบ่อย ๆ แต่บางตัวร้ายกว่านั้น คือ ทำให้คุณใช้อินเตอร์เน็ทไม่ได้เลย ไม่ว่าจะไปเว็บไหน ก็จะโชว์หน้าต่างโฆษณา หรืออาจจะเป็นเว็บประเภทลามกอนาจาร พร้อมกับป๊อปอัพหน้าต่างเป็นสิบ ๆ หน้าต่าง
สปายแวร์พวกนี้มาติดเครื่องคุณอย่างไร?
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ไม่เคยดูแลเครื่องของตัวเองเลย ไม่เคยป้องกัน ไม่เคยบำรุงรักษา ก็มักเกิดปัญหา เอาง่าย ๆ เหมือนการขับรถก็ต้องคอยดูแลรักษา ทำความสะอาด เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฯลฯ แต่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะไม่รู้จักการบำรุงรักษาตรงนี้ ก็เลยต้องมานั่งกลุ้มใจ พวกสปายแวร์จะติดได้หลายทางแต่หลัก ๆ คือ
1.เข้าเยี่ยมเว็บไซท์ต่าง ๆ พอเว็บไซท์บอกให้ดาวน์โหลดโปรแกรมก็ดาวน์โหลดตามที่เขาบอกโดยไม่อ่านว่าเป็นอะไร
2.ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Freeware มาใช้ โปรแกรมฟรีนั้นมีใช้ก็ดี แต่ก็ควรดูให้ดีเพราะโปรแกรมฟรีหลายตัวจะมีสปายแวร์ติดมาด้วยเป็นของแถม ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Kazaa Media Desktop ซึ่งเป็นโปรแกรมให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนไฟล์กันเหมือนกับโปรแกรม Napster ขณะนี้มีผู้ใช้โปรแกรม Kazaa เป็นล้าน ๆ คน เพราะสามารถใช้ดาวน์โหลดเพลง MP3 ฟรีได้ ซึ่ง Kazaa นั้น จะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบใช้ฟรี กับแบบเสียเงิน ถ้าเป็นแบบฟรี เขาจะแถมสปายแวร์มาด้วยกว่า 10 ตัว ..คิดดูแล้วกันว่าคุ้มไม๊
3.เปิดโปรแกรมที่ส่งมากับอีเมล์ บางทีเพื่อนส่งอีเมล์มาให้พร้อมโปรแกรมสวยงาม ซึ่งเพื่อนเองก็ไม่รู้ว่ามีสปายแวร์อยู่ด้วย ก็ส่งต่อ ๆ กันไปสนุกสนาน เวลาใช้อินเตอร์เน็ทก็เลยมีหน้าต่างโฆษณาโผล่มา 80 หน้าต่างสมใจ
ทันทีที่ Spyware เข้ามาอยู่ในเครื่องเรา มันก็จะสำแดงลักษณะพิเศษของโปรแกรมออกมา คือ นำเสนอหน้าเว็บโฆษณาเชิญชวนให้คลิกทุกครั้งที่เราออนไลน์อินเทอร์เน็ต โดยมาในรูปต่างๆ กัน ดังนี้
1.มี Pop up ขึ้นมาบ่อยครั้งที่เข้าเว็บ
2.ทูลบาร์มีแถบปุ่มเครื่องมือเพิ่มขึ้น
3.หน้า Desktop มีไอคอนประหลาดๆ เพิ่มขึ้น
4.เมื่อเปิด Internet Explorer หน้าเว็บแรกที่พบแสดงเว็บอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน
5.เว็บใดที่เราไม่สามารถเข้าได้ หน้าเว็บโฆษณาของ Spyware จะมาแทนที่
วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ถูกโจมตีจากสปายแวร์
1.ติดตั้งโปรแกรม Anti-Spyware ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ Anti-Spyware สามารถตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอม (Spyware) ที่จะเข้าฝั่งตัวอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรม Anti-Spyware จะทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นลักษณะเรียลไทม์เมื่อ Anti-Spyware ตรวจพบสปายแวร์ก็จะทำการเตือนให้ผู้ใช้ทราบและทำการลบสปายแวร์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทันที
2.ไม่ดาว์นโหลดไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรจะดาว์นโหลดจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
3.เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งและพบหน้าจอตามตัวอย่างรูปต่อไปนี้ให้พิจารณาอ่านข้อความเพื่อตรวจสอบว่าระบุเงื่อนไขการใช้งานอย่างไรก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไปหรือหากไม่แน่ใจว่าคืออะไรให้ทำการปิดหน้าจอเหล่านั้นโดยทันที (คลิกที่เครื่องหมาย x กากบาท)
รูปตัวอย่างหน้าจอ POP-UP ที่ปรากฎขึ้นมากรณีที่เว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง
ต้องการ Install โปรแกรมโดยอัตโนมัติลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ วิธีการแก้ไขเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ติดหรือถูกสปายแวร์โจมตี
1.ติดตั้งโปรแกรม Anti-Spyware เพื่อใช้ตรวจสอบค้นหาและลบสปายแวร์ออกจากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีโปรแกรม Anti-Spyware มากมายให้เลือกใช้งานโดยมีทั้งฟรีและมีค่าใช้จ่ายซึ่งขอยกตัวอย่าง Anti-Spyware ที่เป็นฟรีแวร์ เช่น Microsoft Windows AntiSpyware ผลิตโดยบริษัท Microsoft หรือ Lavasofts Ad-Aware SE Personal Edition
2.ตรวจสอบ Update โปรแกรม Antivirus หรือระบบปฎิบัติการที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากปัจจุบันมีการสร้างโปรแกรมประเภท Virus หรือ สปายแวร์ออกมาเผยแพร่ภายในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลาทำให้บางครั้งหากการ Update หรือปรับปรุงโปรแกรม Antivirus หรือ Anti-Spyware ทำอย่างไม่สม่ำเสมอหรือนานๆครั้ง ก็อาจถูกโจมตีจาก Virus หรือ Spyware ได้เช่นกัน
ม้าโทรจัน คืออะไร
“ม้าโทรจัน” ภัยทางอินเทอร์เน็ต อันตรายที่มิอาจมองข้าม!!
หลายท่านที่เล่นอินเทอร์เน็ตมานานพอสมควรคงจะเคยได้ยิน หรือเคยรู้จัก “ม้าโทรจัน” มาบ้างแล้ว แต่สำหรับ ท่านผู้ปกครองหรือ น้องๆ ทั้งหลายที่เริ่มเล่นอินเทอร์เน็ตได้ไม่นาน อาจไม่เคยได้ยินหรือรู้จัก “ม้าโทรจัน” ว่าคืออะไร เรามาทำความรู้จักกันว่า การทำงานของ ม้าโทรจัน มีผลดี-ผลเสียต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ท่องอินเทอร์เน็ตทุกๆ วันอย่างไรบ้าง
“ม้าโทรจัน” บางคนอาจมีทัศนคติที่ไม่ดีนัก คิดว่ามันคืออันตราย แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของ “ม้าโทรจัน” นั้นคือ โปรแกรมสำหรับใช้ทำหน้าที่ควบคุม คอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในระยะไกลออกไป เพื่อที่จะทำการช่วยเหลือ หรือทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลในเครื่องที่อยู่ ไกลโดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขด้วยตนเอง แต่ในปัจจุบันที่เราพบในทุกวันนี้จะเป็นการใช้เพื่อแกล้ง หรือ รบกวนผู้อื่นมากกว่า เช่น เคยไหมที่เครื่องเรา shutdown , Restart หรือ CD-ROM เปิด-ปิดได้เองโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย และปัญหาจุกจิกอีกมากมาย ขณะเล่นอินเทอร์เน็ต แต่ปัญหาที่พบ ที่รุนแรงที่สุดคือการลักลอบเข้าไปขโมย Account และ password สำหรับการเข้าเล่นอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการใช้โปรแกรม “ม้าโทรจัน” ในทางที่ผิด
“ม้าโทรจัน” ในทางคอมพิวเตอร์ จะหมายถึงโปรแกรมที่ถูกโหลดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เพื่อ ปฏิบัติการ "ล้วงความลับ" หรือ "ยึดเป็นฐานที่มั่นเพื่อโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น" “ม้าโทรจัน” จะไม่ทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ เหมือนไวรัสอื่น ๆ ถ้าไม่มีคำสั่งใด ๆจากผู้ควบคุม
“ม้าโทรจัน” ในปัจจุบันมีอยู่นับพันโปรแกรม ถูกพัฒนาโดยพวกนักศึกษา แฮคเกอร์ และมือสมัครเล่น ม้าโทรจันสามารถจำและบันทึกว่าแป้นคีย์บอร์ดแป้นไหนถูกกดบ้าง เพื่อล้วงความลับในคอมพิวเตอร์ของเครื่องที่ติด “ม้าโทรจัน” เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และอาจจะเป็นข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับการ Login เข้าระบบ ที่ถูกพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดโดยผู้ใช้งาน โดยส่วนใหญ่แฮคเกอร์จะส่งโปรแกรม “ม้าโทรจัน” เข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดักจับข้อมูลดังกล่าว แล้วนำไปใช้ในการเจาะระบบ หรือเพื่อโจมตีคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อการโจมตีเพื่อ "ปฏิเสธการให้บริการ" (Denied of Services) โปรแกรม
“ม้าโทรจัน” ถือเป็นโปรแกรมที่สอดคล้องกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ ไม่มีคำสั่งหรือการปฏิบัติการที่เป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ พูดง่ายๆ "มันไม่ใช้ ไวรัส" แต่เป็นโปรแกรมธรรมดาทั่วๆ ไปที่โปรแกรมตรวจสอบไวรัส บางตัวไม่สามารถตรวจจับได้ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของโปรแกรม “ม้าโทรจัน” นั้นเป็นการทำงานเพื่อก่อให้เกิดการโจมตีระบบและความเสียหายอื่นๆ ตามมา หรือละเมิดความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ “ม้าโทรจัน” จึงเป็นโปรแกรมที่น่ากลัวและต้องระมัดระวังกันให้ดี
“ม้าโทรจัน” ทํางานอย่างไร
1. Client คือ ตัวควบคุมภายในเครื่องของเหยื่อ (คือเครื่องที่ติด โปรแกรม “ม้าโทรจัน”) แต่ความสามารถและความร้ายกาจของโปรแกรมประเภทนี้ก็อยู่ที่คําสั่งที่ใช้ในการควบคุมความสามารถต่างๆ เช่น เปิดปิด CD-ROM, เปิดโปรแกรม, Upload-Downloadโปรแกรมจากเครื่องเหยื่อ และอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่ที่ใช้กันมากสุดเพื่อจุดประสงค์คือ ขโมย Account อินเทอร์เน็ตมาใช้ นั้นเอง
2. Server เป็นไฟล์ที่รันแล้วจะไปฝังที่เครื่องเป้าหมาย แต่ไม่สามารถทําอะไรได้ถ้าขาด Client หรือตัวควบคุมนั้นเอง server นี้ส่วนมากจะแนบมากับไฟล์โดยทําให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทําได้ ไม่ว่าจาเป็นการเปลี่ยนไอคอนหรือเปลี่ยนชื่อ
วิธีทํางาน คือเมื่อเหยื่อรันไฟล์ Server แล้วเราก็ต้องใช้ Client ติดต่อไปหาที่ Server โดยใช้ IP Address ที่เราหามาได้ (ต้องเป็นเครื่องเหยื่อเท่านั้น) เพื่อที่จะเข้าไปล้วงข้อมูลหรือปฏิบัติการอื่น ๆ ในเครื่องเหยื่อ
ประเภทม้าโทรจัน
ม้าโทรจันนั้นไม่มีเพียงประเภทเดียว แต่มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะการคุกคามและการทำงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ขนาดของโปรแกรมม้าโทรจันนั้นใหญ่ขึ้น และทำอะไรได้เบี่ยงเบนความสนใจมากขึ้น เช่น แสดงรูปภาพสกรีนเซฟเวอร์น่ารักๆ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของ “ม้าโทรจัน” ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ "การสืบเสาะหาความลับ" นั่นเอง
ป้องกัน-กำจัดม้าโทรจันสำหรับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน
การใช้งานคอมพิวเตอร์ภายในบ้าน เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็มนั้น เสี่ยงต่อ “ม้าโทรจัน” อยู่ทุกเวลาเช่นกัน วิธีการป้องกันได้แก่การติดตั้งโปรแกรม อย่าง NetBUS Detective จะคอยตรวจจับม้าโทรจันพวก Netbus ,BO Orifice หรือโปรแกรม NukeNubber ก็ป้องกันระบบ โดยการตรวจสอบพอร์ตต่างๆของ TCP/IP ถึง 50 พอร์ต
ระบบการป้องกันสำหรับบ้านที่ดีที่สุดคือ ติดตั้งไฟร์วอลส่วนตัว (Personal firewalls) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ติดตั้งในพีซี เช่น Norton Personal Firewall 2.0, Norton Internet Security 2.0 หรือ Zone Alarm 2.1.44 โปรแกรม Firewall เหล่านี้เปรียบเสมือนยามป้องกันการลักลอบแฝงเข้ามาในพอร์ตต่างๆของการต่อเชื่อมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซอฟต์แวร์สำหรับการตรวจจับและทำลายโทรจัน
กรณีที่ต้องการตรวจจับและทำลายม้าโทรจัน ซอฟต์แวร์กำจัดไวรัสทั่วไปอย่าง Norton Antivirus, MacAfee Virus SCAN นั้นสามารถตรวจจับและกำจัดม้าโทรจันได้บ้างบางตัว แต่ไม่ครอบคลุมทั้งหมด ทั้งนี้เพราะซอฟต์แวร์ป้องกันกำจัดไวรัสนั้น มุ่งจะกำจัดไวรัส (โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีอันตรายต่อคอมพิวเตอร์) มากกว่าจะตรวจจับและทำลายโทรจัน วิธีการส่งเข้ามาในคอมพิวเตอร์ และพฤติกรรมการทำงานของโทรจันนั้นแตกต่างจากไวรัส เพราะฉะนั้น เครื่องมือในการตรวจจับ การป้องกัน จึงแตกต่างจากไวรัสด้วย
The Cleaner 3.1 จาก Moosoft
เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ทั้ง ป้องกัน ตรวจจับ และกำจัด“ม้าโทรจัน”ที่ได้รับความนิยมมากตัวหนึ่ง เพราะประสิทธิภาพและคุณสมบัติเด่นของ The Cleaner นั้นมีฐานข้อมูลของ “ม้าโทรจัน” ที่ตรวจสอบและกำจัดได้กว่า 3000 ตัว และยังมีการอัพเดททุกๆ เดือน มีการตรวจจับความเร็วสูง สนับสนุนการตรวจสอบไฟล์ที่บีบอัดไว้ (Compress Files)
ระบบปฏิบัติการ ที่ The Cleaner สนับสนุนคือ Windows 95/98/ME , NT 4.0 Server , 4.0 Workstation , Windows 2000 Pro , Windows 2000 Server นอกจากส่วนที่ทำหน้าที่ในการ Cleaner แล้ว ยังมีส่วนที่ยับยั้งไม่ให้ “ม้าโทรจัน” ทำงานคือ TCActive นอกจากนี้ยังมี TCMonitor ที่จะมีการตรวจสอบไฟล์ของระบบวินโดวส์ตัวที่อาจจะมีการส่ง “ม้าโทรจัน” มาด้วย
Download ไปทดลองใช้ได้ ที่นี่ ครับ และราคาโดยประมาณอยู่ที่ $29.95
ในการใช้อินเทอร์เน็ตทุกวันนี้นอกจากภัยต่อสวัสดีภาพทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ยังมีความปลอดภัยของข้อมูลที่สำคัญที่ต้องระวังการโจรกรรมหรือ เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราที่จะถูกทำลายสร้างความเสียหาย จากผู้ไม่หวังดีที่นำโปรแกรมอย่าง ม้าโทรจัน มาใช้ในทางที่ผิด ดังนั้นเราควรศึกษาและหาเครื่องมือมาป้องกันภัยให้กับคอมพิวเตอร์และข้อมูลของเราเพื่อความปลอดภัย
และที่สำคัญจงจำไว้ว่าหลังจากที่เราติดตั้งโปรแกรม ตรวจจับและทำลายโทรจันแล้ว ก็ควรที่จะทำการอัพเดทข้อมูลโทรจันตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อที่จะให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
http://lib.edu.chula.ac.th/cuappl/libedu2007/lib_tech/aspboard_Question.asp?GID=23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น